
จิตประภัสสรผ่องใส
ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ
ตญฺจโข อาคนฺตุเกหิ อุปกิเลเสหิ อุปกิลิฏฺฐํ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตนี้มีสภาพประภัสสรผ่องใส
แต่ที่เศร้าหมองไปนั้น เพราะมีอุปกิเลสเป็นแขกจรเข้ามาในภายหลัง
เมื่อพิจารณาพระบาลีที่มีมาในพระพุทธพจน์ข้างต้นโดยรอบคอบแล้ว เราจะเห็นได้ว่าความเศร้าหมองร้อนรนหวั่นไหวไม่สบายกายไม่สบายใจ ที่เกิดขึ้นมาในภายหลังนั้น สืบเนื่องจากมีอุปกิเลสเป็นแขกจรเข้ามา โดยที่ก่อนหน้านั้น จิตของเรามีความประภัสสรผ่องใสอยู่ก่อน
เมื่อพูดถึงจิตประภัสสรผ่องใส นักปฏิบัติธรรมอาจมีข้อกังขาว่า “จิตประภัสสรผ่องใสอยู่แล้ว ปล่อยให้กิเลสเข้ามาได้อย่างไร” โดยลืมพิจารณาไปว่า “อุปกิเลสหรือแขกนั้น” เป็นกิเลสที่เราได้เคยเชื้อเชิญ เจ้ากิเลสเหล่านั้นไว้ก่อนนานมาแล้ว จนกลายเป็น “สัญญาอารมณ์” จึงเรียกได้ว่าเป็น “แขก” ของเรา
เมื่อเป็นแขกที่ได้รับเชิญมาก่อนหน้านานมาแล้ว นานวันที่ได้เข้ามานอนเนื่องอยู่ ณ ภายในจิตใจของตน จนกลายเป็นอุปกิเลสของเรา ไม่ใช่กิเลสทั่วๆ ไป อุปกิเลสนั้นจึงพร้อมที่จะปรากฏขึ้นมา สร้างความไม่สงบ หวั่นไหว เศร้าหมองขึ้นแก่จิตของตนได้ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
ความประภัสสรผ่องใสของจิตที่ยังไม่ได้ความบริสุทธิ์หมดจดจากอุปกิเลสที่เป็นแขกนั้น ความประภัสสรผ่องใสของจิตที่มีอยู่ ย่อมยังจะไม่สงบ หวั่นไหว เศร้าหมองลงได้ทุกๆ เมื่อ เมื่อมีอุปกิเลสเป็นแขกจรเข้ามา เพราะยังขาดสติกำกับ สติไม่มีกำลังพอ ที่จะช่วยยับยั้งอุปกิเลสหรือแขกจรเหล่านั้น ไม่ให้เข้ามาครอบงำ เพราะยังขาดการฝึกฝนอบรมจิตให้รู้จักการปฏิบัติบูชาภาวนามยปัญญาอย่างจริงจัง
แล้วทุกท่านพร้อมหรือยัง ที่จะเริ่มลงมือฝึกฝนอบรมจิต ปฏิบัติบูชาภาวนามยปัญญา เพื่อให้จิตของตนมีความประภัสสรผ่องใส บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย
เจริญในธรรมทุกๆ ท่าน
พระภัทรสิทธิ์ อภินันโท
https://www.facebook.com/DhammaBhut